Bitcoin (₿) เป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ที่สร้างขึ้นเมื่อเดือนมกราคม 2009 โดยบุคคลหนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่ง - ตัวตนที่ยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ (!) - ที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto

Bitcoin นั้นแตกต่างจากสกุลเงินทั่วไปตรงที่ดำเนินการโดยไม่ผ่านธนาคารกลางหรือผู้ดูแลระบบคนเดียว เนื่องจากสามารถส่งจากผู้ใช้ไปยังผู้ใช้บนเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ได้โดยไม่ต้องมีตัวกลาง ด้วยการใช้ศาสตร์การเข้ารหัส โหนดเครือข่ายต่างๆ จะตรวจสอบธุรกรรมและบันทึกไว้ในบัญชีแยกประเภทสาธารณะที่เรียกว่าบล็อกเชน

Bitcoin นั้นไม่จำเป็นต้องได้รับการแนะนำเพิ่มเติมใดๆ เนื่องจากเป็นสกุลเงินที่ครองพื้นที่คริปโต!

Bitcoin เป็นสกุลเงินเสมือนสกุลแรก ซึ่งเริ่มต้นขึ้นอย่างปั่นป่วน แต่ในไม่ช้าก็กลายเป็นที่นิยมและเป็นที่ต้องการสูง ทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดคริปโตเคอเรนซีสกุลอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย!

Ethereum เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนโอเพนซอร์สแบบกระจายศูนย์ ซึ่งมีคริปโตเคอเรนซีดั้งเดิมคือ Ether (ETH) Ethereum ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2013 โดยโปรแกรมเมอร์ชื่อ Vitalik Buterin แพลตฟอร์มบล็อกเชน Ethereum ช่วยให้สามารถสร้างและเก็บรักษาบัญชีแยกประเภทสาธารณะได้ รวมทั้งอนุญาตให้ทุกคนพัฒนาแอปพลิเคชันกระจายศูนย์บนแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการกับผู้ใช้งานอื่นๆได้

แอปพลิเคชันการเงินแบบกระจายศูนย์ - Decentralized finance (DeFi) ให้บริการทางการเงินที่หลากหลายโดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางทางการเงินทั่วไป ทำให้ผู้ใช้คริปโตเคอเรนซีสามารถยืมจากการถือครองของตนหรือให้กู้ยืมเพื่อรับดอกเบี้ยได้

นอกจากนี้ Ethereum ยังช่วยให้สามารถสร้างและแลกเปลี่ยน NFT (non-interchangeable tokens) ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับงานศิลปะดิจิทัลและขายเป็นทรัพย์สินดิจิทัลที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครได้

Litecoin (LTC) เป็นคริปโตเคอเรนซีแบบเพียร์ทูเพียร์และโครงการซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่ปล่อยออกมาภายใต้ใบอนุญาต MIT/X11 Litecoin ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2011 นั้นเป็นหนึ่งใน altcoins แรกๆ ที่ได้มาจากรหัสโอเพนซอร์สดั้งเดิมของ Bitcoin

Litecoin อาศัยเครือข่ายการชำระเงินระดับโลกแบบโอเพนซอร์สที่ไม่ได้ถูกควบคุมโดยหน่วยงานกลางใดๆ ด้วย Litecoin คุณจะมีอัตราการสร้างบล็อกที่รวดเร็วขึ้นและมีรูปแบบการขุด Proof-of-Work (PoW) โดยใช้ Scrypt

Cardano (ADA) เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชน proof-of-stake (PoS) แบบกระจายศูนย์รุ่นที่สามที่ได้รับการออกแบบมาให้เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเครือข่าย proof-of-work (PoW) ทั้งนี้เครือข่าย PoW เช่น Ethereum นั้นมีความสามารถในการขยายขนาด ความสามารถในการทำงานร่วมกันและความยั่งยืนที่จำกัดอันเนื่องมาจากภาระด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น การใช้พลังงาน และเวลาการทำธุรกรรมที่ช้า

Charles Hoskinson ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum เข้าใจถึงความท้าทายที่เครือข่าย PoW กำหนด และในปี 2015 เขาจึงได้เริ่มพัฒนา Cardano และคริปโตเคอเรนซีหลักอย่าง ADA ขึ้น จนในที่สุดก็เปิดตัวแพลตฟอร์มและโทเค็น ADA ในปี 2017

Cardano เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่มีบัญชีแยกประเภทหลายสินทรัพย์และสัญญาอัจฉริยะที่ตรวจสอบได้ ซึ่งช่วยให้สามารถพัฒนาแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApp) และทำงานบนโปรโตคอลฉันทามติ PoS Ouroboros ซึ่งเป็นโปรโตคอล PoS แรกที่พิสูจน์แล้วว่ามีความปลอดภัยและได้รับข้อมูลจากการวิจัยทางวิชาการ

Ripple (XRP), ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2012 โดย Ripple Labs, Inc. นั้นสร้างขึ้นจากโปรโตคอลโอเพนซอร์สแบบกระจายศูนย์และมี XRP เป็นคริปโตเคอเรนซีดั้งเดิมของบัญชีแยกประเภทซึ่งขับเคลื่อนโดยบล็อกเชน

Ripple มุ่งเน้นที่ธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงิน เนื่องจากช่วยให้ดำเนินธุรกรรมทางการเงินทั่วโลกได้อย่างปลอดภัย ทันที และเกือบจะฟรี โดยไม่มีการปฏิเสธการชำระเงิน ธุรกรรมต่างๆ จะได้รับการยืนยันในเวลาน้อยกว่า 5 วินาที ด้วยค่าธรรมเนียมต่ำเพียง 0.0002 ดอลลาร์ และสามารถจัดการธุรกรรมได้ 1,500 รายการต่อวินาที!

ทั้งนี้ XRP ไม่เหมือนกับคริปโตเคอเรนซีส่วนใหญ่อื่นๆ ที่ใช้ PoW และ/หรือ PoS บล็อกเชน XRP ใช้รายการโหนดที่ไม่ซ้ำกัน จากกลุ่มที่เชื่อถือได้แบบรวมศูนย์ทำการตัดสินใจตามกฎส่วนใหญ่ Ripple รองรับโทเค็นที่ใช้แทนสกุลเงินทั่วไป, คริปโตเคอเรนซี, สินค้าโภคภัณฑ์ หรือหน่วยมูลค่าอื่นๆ เช่น ไมล์สะสมหรือนาทีมือถือ

Stellar (XLM) หรือ Stellar Lumens ที่ซึ่งมี Stellar เป็นเครือข่ายบล็อกเชน และมี Lumens เป็นโทเค็นดั้งเดิมนั้น เป็นโปรโตคอลโอเพนซอร์สแบบกระจายศูนย์สำหรับการแลกเปลี่ยนเงินหรือโทเค็นโดยใช้ Stellar Consensus Protocol

นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2014 เป้าหมายของ Stellar คือการเชื่อมช่องว่างระหว่างสกุลเงินทั่วไปและคริปโตด้วยการเปิดตัวการสร้างโทเค็นขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของสินทรัพย์

เช่นเดียวกับ Ripple Stellar นั้นช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งเงินและทรัพย์สินในรูปแบบที่เคยเป็นโดเมนของผู้ให้บริการชำระเงินมาก่อนได้ Stellar ให้บริการการโอนที่รวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายต่ำ ซึ่งทำให้การทำธุรกรรมข้ามพรมแดน (การเทรดระหว่างผู้ใช้) มีอุปสรรคน้อยลงโดยใช้คริปโตเคอเรนซี lumens (XLM)

Chainlink (LINK) เป็นเครือข่าย Oracle บนบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ที่สร้างขึ้นบน Ethereum ซึ่งให้บริการดึงข้อมูลจากแหล่งที่จัดเก็บนอกเครือข่าย (Off-chain) มายังแหล่งที่จัดเก็บในบล็อกเชน (On-chain) และดึงข้อมูลจากแหล่งที่จัดเก็บในบล็อกเชน (On-chain) ไปยังแหล่งที่จัดเก็บนอกเครือข่าย (Off-chain) กล่าวโดยง่าย ก็คือ Chainlink อนุญาตให้สัญญาอัจฉริยะเข้าถึงข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริงที่อยู่นอกบล็อกเชนได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้

เครือข่าย Chainlink ซึ่งเปิดตัวในปี 2017 นั้นจับคู่กับอุตสาหกรรมบล็อกเชนด้วยโครงสร้างทางเศรษฐกิจแบบดั้งเดิมเพื่อสร้างกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ มั่นคงปลอดภัยและมีความโปร่งใสมากขึ้น โดยแทนที่คนกลางด้วยรหัส!

EOS.IO (EOS) เป็นแพลตฟอร์มบนบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ที่ใช้ในการพัฒนา โฮสต์ และเรียกใช้แอปพลิเคชันทางธุรกิจ หรือ dApps เนื่องจากฟังก์ชันหลักช่วยให้สามารถสร้างแอปพลิเคชันบนบล็อกเชนได้ในลักษณะเดียวกันกับแอปพลิเคชันบนเว็บ

Block.one บริษัทซึ่งพัฒนาระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สสำหรับเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เรียกว่า EOS.IO นั้นระดมทุนเสนอขายเหรียญคริปโตได้ 4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2018 โดยโทเค็น EOS นั้นถูกใช้เป็นระบบการชำระเงินบนเครือข่าย EOS

EOS ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Ethereum นั้นให้คำมั่นว่าจะเติบโตอย่างยิ่งใหญ่ขึ้น ดีขึ้น และรวดเร็วขึ้น!

Solana (SOL) เป็นบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเปิดใช้งานแอพที่ปรับขนาดได้และเป็นมิตรกับผู้ใช้ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2020 โดย Solana Foundation ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โปรโตคอล Solana นำเสนอการผสมผสานที่ไม่เหมือนใครระหว่าง proof-of-history ฉันทามติการพิสูจน์ประวัติ (PoH) ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ รวมกับ proof-of-stake ฉันทามติการพิสูจน์หลักฐานแห่งการเดิมพัน (PoS)

หลายคนที่อยู่เบื้องหลังโครงการ Solana รวมถึงหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง มีประสบการณ์ในการสร้างเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ซึ่งทำให้พวกเขากระตือรือร้นเป็นพิเศษในการให้ความสำคัญกับความสามารถในการปรับขนาดและประสิทธิภาพ โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการเงินแบบกระจายอำนาจได้